วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ครั้งที่ 4

บันทึกอนุทิน

วิชา การบริหารสถานศึกษาปฐมวัย( Pre-School Administration )

อาจารย์ผู้สอน  อาจารย์กฤตธ์ตฤณน์ ตุ๊หมาด
วัน/เดือน/ปี : 01 กุมภาพันธ์ 2560
เรียนครั้งที่ 4 เวลาเรียน 12:30 - 15:30
กลุ่ม 102 วันพุธ ห้องเรียน 34-501




นำเสนอบทความ
เลขที่ 4 นางสาววีรดา  ตรีมิ่งมิตร


เลขที่ 7 นางสาวภูษณิศา  กาบเครือ


เลขที่8 นางสาวภณิชชา  กาบเครือ


เลขที่9 นางสาวธนทร  ศรีหินกอง


นำเสนองาน ในหัวข้อ "ประเภทของสถานศึกษา"


กลุ่มที่ 1 โรงเรียนอนุบาล



โรงเรียนอนุบาล คือ  

      โรงเรียนที่เปิดสอนในระดับอนุบาล ซึ่งอาจจะเป็นโรงเรียนของเอกชนหรือของรัฐก็ได้ บางโรงเรียนอาจเปิดสอนระดับประถมศึกษาร่วมด้วย หรืออาจจะสอนถึงระดับมัธยมศึกษาก็ได้

เกณฑ์การรับเด็กเข้าเรียนโรงเรียนอนุบาล
        มาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ และกฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งระดับและประเภทของการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.๒๕๔๖ ข้อ ๑ (๑) สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงได้กาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการนับอายุเด็กเพื่อเข้ารับการศึกษา ระดับก่อนประถมศึกษาในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไว้ดังต่อไปนี้

              ข้อ 1 การรับเด็กเพื่อเข้ารับการศึกษาระดับก่อนประถมศึกษาในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้รับเด็กที่มีอายุไม่น้อยกว่า ๔ ปีบริบูรณ์

              ข้อ 2 การนับอายุเด็กเพื่อเข้ารับการศึกษาระดับก่อนประถมศึกษาในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้นับตั้งแต่วันที่เด็กเกิดไปจนถึงวันแรกของการเปิดภาคเรียนที่ ๑ ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยปีการศึกษา การเปิดและปิดสถานศึกษา พ.ศ. ๒๕๓๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๓

ตัวอย่างโรงเรียน















กลุ่มที่ 2 ศูนย์พัฒนาเด็ดเล็กก่อนเกณฑ์ของสถาบันศาสนา

กลุ่มที่ 3 เนอร์เซอรี่

กลุ่มที่ 4 ศูนย์เลี้ยงเล็ก



ศูนย์เลี้ยงเด็ก

          การจัดตั้งศูนย์เลี้ยงเด็กในสถานประกอบกิจการและชุมชนภายใต้การบูรณาการความร่วมมือกับ 5 กระทรวง ประกอบด้วย
  • กระทรวงแรงงาน
  • กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
  • กระทรวงมหาดไทย
  • กระทรวงศึกษาธิการ
  • กระทรวงสาธารณสุข
  • กระทรวงแรงงาน

การบริหารจัดการ

       1. จัดให้มีบุคลากรที่จำเป็นในการดำเนินงานรับเลี้ยงและพัฒนาเด็ก เช่น เจ้าของกิจการ ผู้ดำเนินการ พยาบาล สถานพยาบาล ผู้เลี้ยงดูเด็ก ผู้จัดกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก ผู้ประกอบอาหาร ผู้ทำความสะอาด เป็นต้น โดยเจ้าหน้าที่คนหนึ่งๆ อาจทำหน้าที่เกินกว่าหนึ่งประการได้แต่ต้องมีจำนวน ที่เหมาะสมกับจำนวนเด็ก หรืออาจใช้ลูกจ้างในสถานประกอบกิจการทำหน้าที่ได้ตามความเหมาะสม

      2. คุณสมบัติของผู้เลี้ยงดูเด็กในศูนย์เลี้ยงเด็กในสถานประกอบกิจการและชุมชน
- ต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 18 ปีบริบูรณ์
- มีสุขภาพแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจต้องผ่านการตรวจสุขภาพก่อนปฏิบัติงาน
- มีคุณวุฒิการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และต้องผ่านการฝึกอบรม เรื่องการ
อบรมเลี้ยงดูและพัฒนาเด็ก

3. อัตราส่วนระหว่างผู้เลี้ยงดูเด็กกับเด็ก
- เด็กอายุแรกเกิด – 2 ปี อัตราส่วน 1:3
- เด็กอายุ 2 – 3 ปี อัตราส่วน 1:8
- เด็กอายุ 3 – 4 ปี อัตราส่วน 1:12
- เด็กอายุ 4 – 6 ปี อัตราส่วน 1:20

4. การขออนุญาตจัดตั้งศูนย์เลี้ยงเด็กที่ให้บริการรับเลี้ยงเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ที่มีเด็กจำนวน 6 คนขึ้นไป ต้องได้รับอนุญาตให้จัดตั้ง การขออนุญาตจัดตั้งให้ติดต่อขออนุญาตจัดตั้ง

ตัวอย่าง



งานบริหารของศูนย์ฯ

- การเลี้ยงดู เตรียมความพร้อมด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจสังคม และสติปัญญา ให้เด็กมีพัฒนาการที่เหมาะสมกับวัย และศักยภาพของเด็ก
- ตรวจประเมินการเจริญเติบโต รวมทั้ง พัฒนาการของเด็กอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ
- ให้คำแนะนำในด้านสุขภาพ การป้องกันโรค การดูแล และ แนวทางในการเลี้ยงดูบุตรแก่บิดา มารดา
- ให้คำแนะนำแก่มารดาที่มีปัญหาเกี่ยวกับการให้นมบุตร การพัฒนาการและสุขภาพเด็ก โดยผู้เชี่ยวชาญจากคลินิกเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คลินิกกระตุ้นพัฒนาการและกุมารแพทย์ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
- บริการอาหารเช้า อาหารกลางวัน พร้อมอาหารว่างมื้อบ่าย โดยมีโภชนากร จากฝ่ายโภชนาการของโรงพยาบาลศิริราช เป็นผู้จัดเมนูอาหารร่วมกับพยาบาลและคณะกรรมการศูนย์ฯ

หลักเกณฑ์การรับเด็ก
- รับเลี้ยงดูเด็กปกติตั้งแต่แรกเกิด ถึง 3 ปี
  - เป็นบุตรบุคลากรภายในคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

อัตรากำลังพี่เลี้ยงเด็ก
- เด็ก อายุต่ำกว่า 1  ปี  สัดส่วนพี่เลี้ยงเด็ก 1 คนต่อเด็ก 3 คน 
  - เด็ก อายุ  2 – 3   ปี    สัดส่วนพี่เลี้ยงเด็ก 1 คนต่อเด็ก 5-7 คน





กลุ่มที่ 5 ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน

กลุ่มที่ 6 ศูนย์เด็กเล็ก

กลุ่มที่ 7 โรงเรียนเตรียมประถม


ชั้นเตรียมประถมคืออะไร
  • ชั้นเตรียมประถม ซึ่งเป็นชั้นที่อยู่ระหว่างโรงเรียนอนุบาลกับโรงเรียนประถม
  • ตลอดระยะเวลาเรียนของเด็ก ซึ่งอาจจะเริ่มตั้งแต่ตอนที่เด็กอายุครบ ๑ ขวบ ไปจนถึงจบชั้นมัธยมปลาย จะถูกกำหนด โดยหลักสูตรการศึกษา ซึ่งโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน และโรงเรียนมัธยมปลาย ต่างก็มีหลักสูตรการศึกษาของตัวเองโดยเฉพาะ โดยชั้นเตรียมประถมจะใช้หลักสูตรการศึกษาเดียวกับโรงเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่ง เมืองความรู้แห่งเฮลซิงบอร์ย มอสิ่งนั้นว่าเป็นการติดตามพัฒนาการตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่
  • ชั้นเตรียมประถมจะเป็นการศึกษาโดยสมัครใจ แต่เด็กที่มีอายุหกปีในสวีเดนส่วนมาก จะเข้าเรียนในชั้นนี้ เทศบาลจะมีหน้าที่ในการเปิดรับ และจัดการเรียนการสอนในชั้นเตรียมประถมให้แก่เด็ก 
ใครมีสิทธิ์เข้าเรียนได้บ้าง
  •          เด็ก ๆ มีสิทธิ์เข้าเรียนชั้นเตรียมประถมเมื่ออายุ 6 ปี ซึ่งเปิดรับเข้าเรียนตามความสมัครใจ และเด็กส่วนมากจะเข้าเรียนในชั้นนี้ เด็กมีสิทธิ์เลือกได้ว่าจะเรียนชั้นเตรียมประถมในโรงเรียนอนุบาลเดิม หรือสถานอบรมดูแลเด็กสำหรับกลุ่มอายุ 6 ปี
  •          โดยส่วนใหญ่ชั้นเตรียมประถม จะจัดอยู่ในหรืออยู่ใกล้กับโรงเรียน ที่นักเรียนจะเข้ารับการศึกษาขั้นพื้นฐานในชั้นปีที่ 1
  •          เด็กทุกคนมีสิทธิ์เข้าเรียนในชั้นเตรียมประถม แต่กฎหมายไม่ได้บังคับว่าต้องเรียนชั้นนี้
ชั้นเตรียมประถมมีลักษณะเป็นอย่างไร

  •          ชั้นเตรียมประถม เป็นการศึกษาเชื่อมต่อจากชั้นอนุบาลไปสู่การศึกษาภาคบังคับหรือขั้นพื้นฐาน โดยจะผสมผสานรูปแบบการดำเนินงานและวิธีการ ระหว่างโรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนขั้นพื้นฐานเข้าด้วยกัน
  •          กิจกรรมการเรียนการสอนจะใช้เวลาวันละประมาณสามชั่วโมง ช่วงที่เหลือนักเรียนส่วนใหญ่จะเข้าศูนย์นันทนาการ หรือสถานรับอบรมดูแลเด็ก
  •         เทศบาลมีหน้าที่ จัดการเรียนการสอนชั้นเตรียมประถม และรับนักเรียนเข้าเรียนในชั้นนี้ ชั้นเตรียมประถมที่ดำเนินการโดยโรงเรียนเอกชน จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แทนชั้นเตรียมประถมในสังกัดเทศบาล
  •          ชั้นเตรียมประถม จะเปิดให้เข้าเรียนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
  •          ในชั้นเตรียมประถมเราไม่ได้คาดหวังว่านักเรียนต้องผ่านเกณฑ์ความรู้ในวิชาต่างๆ  แม้ว่าเราจะเริ่มฝึกฝนเรื่องต่างๆ ทีละ น้อย แต่ในชั้นนี้นักเรียนไม่จำเป็นต้องอ่านได้ เขียนได้ หรือนับเลขได้  เรารู้ดีว่าเมื่อถึงเวลาเด็กก็จะเป็นเอง เพราะในวัยนี้ เด็กกำลังอยากรู้อยากเห็น และอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่แล้ว

หนังสือหรับหรับชั้นเตรียมประถม





ตัวอย่างโรงเรียน

โรงเรียนดรุณพัฒน์ ถ.ประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพ 10900 



แนวทางการสอนระดับเตรียมประถม และประถมศึกษา
1. นักเรียนมีเวลาเรียนเฉลี่ยวันละ 6 ช.ม. นักเรียน G.1 – G.3 สอนโดยครูประจำชั้นชาวต่างประเทศ    ทุกสาระ ยกเว้น วิชาศิลปะ ภาษาไทย สังคมศึกษา สอนโดยครูประจำชั้นคนไทยและเน้นกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติและการบูรณาการ
2. นักเรียนทุกคนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 8 กลุ่มสาระ สอนเป็นภาษาอังกฤษ 70 %โดยประมาณและภาษาไทย 30% โดยประมาณ และเน้นภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเป็นสำคัญ
3. นักเรียนสามารถเลือกเรียนวิชาที่ตอบสนองความสามารถตามความถนัดและความสนใจในคาบเรียนที่ 7 และ 8 Club พร้อมด้วยการเสริมภาษาจีนสัปดาห์ละ 1 คาบ
4. นักเรียนเข้าร่วมและปฏิบัติกิจกรรมที่เหมาะสมร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข
5. เมื่อเรียนจบแต่ละช่วงชั้น นักเรียนมีคุณภาพด้านความรู้ ทักษะ คุณธรรม จริยธรรม ตามมาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้น และสอบ NT เมื่อจบช่วงชั้นที่1


กลุ่มที่ 8 สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย



สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย คือ
       สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย หรือ โรงเรียนเด็กเล็ก เปิดขึ้นเพื่อรับเด็กอายุโดยประมาณ 1ขวบครึ่ง ถึง 3 ขวบ ทำหน้าที่ในการดูแล ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคมและภาษา  ช่วงเวลาเปิดเรียนอาจเป็นเรียนเต็มวันหรือครึ่งวัน แล้วแต่ความต้องการของผู้ปกครองหรือชุมชน

      สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยดำเนินการโดย รัฐบาล และหน่วยงานเอกชนที่มีอยู่หลายรูปแบบมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป เช่น
-สถานรับเลี้ยงเด็ก
-ศูนย์โภชนาการ
-ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
-โรงเรียนอนุบาล
หน่วยงานที่จัดคือ
-กรมพัฒนาชุมชน
-กรมอนามัย
-กรมอาชีวศึกษา
-สมาคมมูลนิธิต่าง ๆ
-กรมประชาสงเคราะห์ ซึ่งปัจจุบัน คือ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

ตามประกาศของคณะปฏิวัติ
           ฉบับที่ 294 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 ได้ให้ความหมายของคำว่า
  • สถานรับเลี้ยงเด็ก หมายถึง สถานที่รับเลี้ยงเด็กซึ่งมีอายุไม่เกิน 7 ปีบริบูรณ์ และมีจำนวนเกิน 5 คน

  • ซึ่งไม่เกี่ยวข้องเป็นญาติกับผู้เลี้ยง แต่ไม่รวมถึงสถานพยาบาล หรือโรงเรียนอนุบาล


ลักษณะของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
1. แยกอิสระ
        
เป็นบริการตามบ้าน หรือสถานที่ราชการต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นบริการแก่ชุมชน เช่น บ้าน วัด โรงพยาบาล วิทยาลัยพยาบาล โรงงาน เป็นต้น โรงเรียนเด็กเล็กประเภทนี้จะใช้ชื่อต่าง ๆ กัน เช่น ศูนย์ดูแลเด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็ก เป็นต้น

2. ขึ้นอยู่กับโรงเรียนอนุบาล

     มักจะเรียกว่า ชั้นเด็กเล็ก (Nursery Class) บางแห่งเรียกเตรียมอนุบาลโรงเรียนเด็กกลุ่มนี้รวมถึงโรงเรียนเด็กเล็กของมหาวิทยาลัยด้วย

3. ขึ้นอยู่กับโรงเรียนประถมศึกษา
    โรงเรียนประถมศึกษาบางแห่งจะจัดการศึกษา
ทุกระดับตั้งแต่ชั้นเด็กเล็ก ชั้นอนุบาลและชั้นประถมศึกษา ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเบ็ดเสร็จสำหรับการศึกษาปฐมวัย

ตัวอย่าง

ศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัย คณะพยาบาลศาสตร์

มหาวิยาลัยธรรมศาสตร์  ศูนย์รังสิต


ประวัติความเป็นมาของศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัย         

        
  เด็กเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าสูงสุดของประเทศ  การเลี้ยงดูเด็กให้เจริญเติบโตและมีพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย  จิตใจ อารมณ์  สังคม  และจิตวิญญาณที่สมบูรณ์เป็นสิ่งสำคัญ  ที่ผู้เลี้ยงดูเด็กทุกคนจะต้องมีความรู้  ความเข้าใจ  และตระหนักถึงความสำคัญนี้  ประกอบกับในสังคมปัจจุบัน  บิดา มารดาต้องช่วยกันรับผิดชอบในการหารายได้เพื่อความมั่นคงของครอบครัว  ทำให้ภาระหน้าที่ในการเลี้ยงดูอยู่กับคนอื่น
          คณะพยาบาลศาสตร์  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการจัดการศึกษาการเจริญเติบโต  และพัฒนาการ  การบริบาลเด็กปฐมวัยที่มีคุณภาพดีและการให้บริการวิชาการแก่สังคม  ในการช่วยเหลือบิดา มารดา  ท่านผู้ปกครองที่จะดูแลเด็กอย่างมีคุณภาพ  โดยเฉพาะเด็กตั้งแต่อายุ  6  สัปดาห์  ถึง  3  ปี  ซึ่งเป็นวัยที่การเจริญเติบโตและพัฒนาการอย่างรวดเร็วเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต  จึงได้จัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัยขึ้นเมื่อวันที่ 2  สิงหาคม  พ.ศ.  2542  เป็นต้นมา


วิสัยทัศน์

         
 เป็นศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัยต้นแบบ ให้บริการที่เป็นเลิศด้วยความรู้ 
คู่คุณธรรมบูรณาการนวัตกรรมสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมนำการวิจัยสู่การพัฒนา

พันธกิจ

1. บริการที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน
2. พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้  ความสามารถ คุณธรรม  จริยธรรม  และทักษะที่จำเป็นในการดูแลเด็ก
3. พัฒนาคู่มือ  หลักสูตรและโครงการสร้างการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ
4. เป็นศูนย์กลางการศึกษา  การวิจัย  และการบริการวิชาการแก่สังคม  ในการสร้างเสริมสุขภาพเด็กปฐมวัย
5. บูรณาการวิจัยและนวัตกรรมสู่การปฏิบัติการและพัฒนาการเรียนการสอน
6. สร้างระบบการประกันคุณภาพ  การปรับปรุงคุณภาพ  และระบบการจัดการภายใน  โดยมีการพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง
จัดสภาพแวดล้อม  สร้างความแข็งแกร่งของครอบครัว  เพื่อช่วยให้เด็กเกิดการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น