วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560

ครั้งที่2

บันทึกอนุทิน

วิชา การบริหารสถานศึกษาปฐมวัย( Pre-School Administration )

อาจารย์ผู้สอน  อาจารย์กฤตธ์ตฤณน์ ตุ๊หมาด

วัน/เดือน/ปี : 18 มกราคม 2560

เรียนครั้งที่ 2 เวลาเรียน 12:30 - 15:30

กลุ่ม 102 วันพุธ ห้องเรียน 34-501





นำเสนอคำคม

เลขที่1 น.ส.สายสุดา  ปักษากุล






เลขที่2 น.ส.จันทร์จิรา  นามวิชา






เลขที่3 น.ส.สุวนันท์  โสดารัตน์











ความหมายและความสำคัญ ของการบริหารสถานศึกษา

การบริหาร คืออะไร ???

ความหมายของการบริหารการศึกษา( Education Administration )

การบริหารการศึกษา แยกออกเป็น 2 คำ คือ การบริหาร และ การศึกษา 

ความหมายของ “การบริหาร” มีผู้ให้ความหมายไว้หลากหลาย ทั้งคล้ายๆกันและแตกต่างกัน คือ

     * การบริหาร คือ ศิลปะของการทำงานให้สำเร็จโดยใช้บุคคลอื่น
     * การบริหาร คือ การทำงานของคณะบุคคล ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ที่ร่วมกันปฏิบัติการให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน
     * การบริหาร คือ การที่บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปร่วมกันทำงาน เพื่อจุดประสงค์อย่างเดียวกัน
     ** จากความหมายของ “การบริหาร” พอสรุปได้ว่า “การดำเนินงานของกลุ่มบุคคลเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ที่วางไว้”

ส่วนความหมายของ “การศึกษา” มีผู้ให้ความหมายไว้คล้ายๆกัน ดังนี้

* การศึกษา คือ ความเจริญงอกงาม ทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา
* การศึกษา คือ การสร้างเสริมประสบการณ์ให้ชีวิต
* การศึกษา คือ เครื่องมือที่ทำให้เกิดความเจริญงอกงามทุกทางในตัวบุคคล
** จากความหมายของ “การศึกษา” ข้างบนนี้พอสรุปได้ว่า “การพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ทั้งความรู้ ความคิด ความสามารถ และความเป็นคนดี”

เมื่อนำความหมายของ “การบริหาร” มารวมกับความหมายของ “การศึกษา” ก็จะได้ความหมายของ  “การบริหารการศึกษา”    ว่า

                    “การดำเนินงานของกลุ่มบุคคล เพื่อพัฒนาคนให้มีคุณภาพ
                        ทั้งความรู้ ความคิด ความสามารถ และความเป็นคนดี”

 ความหมายของการบริหารสถานศึกษา

           การบริหารสถานศึกษา หมายถึง ผู้ที่ทำหน้าที่หัวหน้าหรือผู้นำดำเนินงานเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายขององค์กร โดยใช้กระบวนการบริหารกลุ่มบุคคล กระบวนการต่างๆ ในการดำเนินงานของกลุ่มบุคคลให้เปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำใหม่ เป็นผู้นำทางความคิด การแก้ปัญหา การตัดสินใจ การสร้างแรงจูงใจและจัดสรรการใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้เป็นกลุ่มงานที่สัมพันธ์กันอย่างดี มีพลังคนที่มีความสามารถพร้อมสร้างบุคลากรให้ทำงานได้อย่างถูกต้องเพื่อให้บุคลากรร่วมมือกันพัฒนาคุณภาพของงานภายในสถานศึกษาและให้บริการทางการศึกษาแก่สมาชิกของสังคม


ความสำคัญของการบริหารสถานศึกษา

           การบริหารสถานศึกษาหรือการบริหารองค์กร  สิ่งที่ต้องตระหนักหรือให้ความสำคัญ คือการบริหารงานบุคคล เพราะบุคคลเป็นทรัพยากรที่มีค่าในองค์กร ที่สามารถพัฒนาศักยภาพได้ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งจะทำให้องค์กรสามารถดำเนินกิจการต่างๆ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ ช่วยให้บุคคลที่ปฏิบัติงานในองค์กรมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน เกิดความจงรักภักดีต่อองค์กรที่ปฏิบัติงาน เสริมสร้างความมั่นคงแก่สังคมและประเทศชาติ นั้นหมายถึงผู้บริหารจะต้องมีความรู้เรื่องการบริหารเป็นอย่างดี


หลักการ แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสถานศึกษา

          1. การวางแผนอัตรากำลังและกำหนดตำแหน่ง โดยมีการวิเคราะห์ภารกิจและประเมินสภาพความต้องการกำลังคน กับภารกิจของสถานศึกษามีการจัดทำภาระงานสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และแจ้งภาระงาน มาตรฐานคุณภาพงาน มาตรฐานวิชาชีพ จรรยาบรรณวิชาชีพ เกณฑ์ประเมินผลงานแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาก่อนมีการมอบหมายหน้าที่ให้ปฏิบัติงาน
          2. การสรรหาและบรรจุแต่งตั้ง โดยมีการดำเนินการสอบแข่งขัน สอบคัดเลือกและคัดเลือกในกรณีจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษในตำแหน่งครูผู้ช่วย
    ครูและบุคลากรทางการศึกษาอื่นในสถานศึกษา


การบริหารเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์  (Science and arts)

  เป็น ศาสตร์ เพราะ มีหลักการ กฎเกณฑ์ และทฤษฏีที่เชื่อถือได้ เกิดจากการศึกษาค้นคว้าเชิงวิทยาสาสตร์
  เป็น ศิลป์ เพราะต้องทำงานกับคน ต้องเลือกใช้วิธีการให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ต้องฝึกให้ชำนาญ จึงต้องประยุกต์ใช้อย่างมีศิลป์




ความหมายของทฤษฏี

     กลุ่มของข้อเสนอ หรือ ของมโนทัศน์ที่สัมพันธ์เชื่อมโยงซึ่งกันและกันเป็นข้อสรุปอย่างกว้างๆ ทั่วไปที่พรรณนาและอธิบายถึงพฤติกรรมและปรากฏการณ์อย่างเป็นระบบ

ความจำเป็นในการศึกษาทฤษฏี
ทฤษฏีเป็นพื้นฐานของการกำหนดสมมติฐานเพื่อทดสอบปรากฏการณ์ที่สังเกตได้ ในเมื่อทฤษฏีอยู่บนพื้นฐานของตรรกวิทยา มีเหตุผลแม่นยำ ถูกต้องแล้ว การปฏิบัติก็จะมีเหตุผลและถูกต้องเช่นเดียวกัน
ทฤษฏีเป็นจุดเริ่มต้นของการวิจัย โดยกำหนดทิศทางของการวิจัย


พัฒนาการของทฤษฏีทางการบริหาร



ทัศนะดั้งเดิม (Classical viewpoint)

  • การบริหารเชิงวิทยาศาสตร์
  •  การจัดการเชิงบริหาร
  •  การบริหารแบบราชการ

1.การบริหารเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific management)

       Frederick. W. Taylor (เทเลอร์) บิดาแห่งการบริหารเชิงวิทยาศาสตร์ ได้เสนอ หลัก 4 ประการ
   1. ใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ มีการแยกวิเคราะห์งาน
   2. มีการวางแผนการทำงาน
   3. คัดเลือกคนทำงาน
   4. ใช้หลักการแบ่งงานกันทำระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายปฏิบัติ

2.ทฤษฏีการจัดการเชิงบริหาร (Administration management)

  • Henry Fayol : หลักการบริหาร 14 หลักการ และขั้นตอนการบริการ POCCC
  • Chester Barnard : ทฤษฏีการยอมรับอำนาจหน้าที่
  • Luther Gulick : ใช้หลักการของ Fayol  โดยใช้คำย่อว่า POSDCoRB ซึ่งเป็นหน้าที่ 7 ประการ
3.ทฤษฏีการบริหารแบบราชการ(Bureaucratic management)

Max Weber พัฒนาหลักการจัดการแบบราชการ
    1. มีกฎระเบียบข้อบังคับเพื่อควบคุมการตัดสินใจ
    2. ความไม่เป็นส่วนตัว
    3. แบ่งงานกันทำตามความถนัด ความชำนาญเฉพาะทาง
    4. มีโครงสร้างการบังคับบัญชา
    5. ความเป็นอาชีพที่มั่นคง
    6. มีอำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจ โดยมีกฎระเบียบรองรับ
    7. ความเป็นเหตุเป็นผล


ข้อเสียของระบบราชการ.......
  • ระเบียบปฏิบัติที่เคร่งครัดเกินไป ไม่ยืดหยุ่นทำให้งานล่าช้า ไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์
  • การรวมศูนย์อำนาจ ทำให้ตัดสินใจล่าช้า ไม่ทันเหตุการณ์และเทคโนโลยี
  • การมีสายการบังคับบัญชา ทำให้เกิดการชิงดีชิงเด่น ประจบประแจง
  •  การแบ่งงานตามความถนัดเป็นกลุ่ม ทำให้เกิดการสร้างอาณาจักร


ทั้ง 3 ทฤษฏี มีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร

ความเหมือน

            1. ด้านโครงสร้าง เน้นการแบ่งงานกันทำ การมีสายการบังคับบัญชา กำหนดหน้าที่ของการบริหาร เน้นหลักการ
            2. ด้านผู้ปฏิบัติ เหมือนเครื่องจักร เน้นสิ่งจูงใจด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงในงาน ความต้องปรับตัวเข้ากับงาน
            3. ด้านผู้นำ ให้ความสำคัญกับบทบาทผู้นำ เอกภาพ ระบบคุณธรรม เป้าหมายองค์กรสำคัญกว่าบุคคล
            4. ด้านการตัดสินใจ เน้นความเป็นเหตุผล ประสิทธิภาพ กำไร

ความต่าง


  • Taylor : กำหนดวิธีการทำงานที่ดีที่สุด The one best way
  •  Fayol   : เน้นหลักการ 14 หลักการ
  • Weber   : เน้นระเบียบข้อบังคับ มีเกณฑ์ประเมินผล


ทัศนะเชิงพฤติกรรม (Behavioral viewpoint)
  • ทฤษฏีพฤติกรรมระยะเริ่มแรก
  •  การศึกษาที่ฮอว์ธอร์น
  • ความเคลื่อนไหวเชิงมนุษยสัมพันธ์
  • หลักพฤติกรรมศาสตร์

    1.ทฤษฏีพฤติกรรมระยะเริ่มแรก (Early behavioral theories)

       Hugo Munsterberg บิดาแห่งจิตวิทยาอุตสาหกรรม  ใช้หลักจิตวิทยาในการจำแนกคนงานให้เหมาะสมกับงาน
 Mary Parker Follett นักปรัชญาแห่งเสรีภาพของบุคคล เน้นสภาพแวดล้อมในการทำงานและการมีส่วนร่วม

     2.การศึกษาที่ฮอว์ธอร์น (Hawthorne studies)

       การทดลองของบริษัท เวสเทิร์น อิเล็กทริก ที่เมืองฮอว์ธร์น เพื่อศึกษาเกี่ยวกับผลของแสงไฟต่อประสิทธิภาพในการทำงาน
 ในช่วงท้ายของการทดลอง Elton Mayo ร่วมทำการทดลอง สรุปข้อค้นพบว่า

 - เงินไม่ใช้สิ่งจูงใจสำคัญเพียงอย่างเดียว

 - กลุ่มไม่เป็นทางการมีอิทธิพลต่อองค์การ


3. การเคลื่อนไหวเชิงมนุษยสัมพันธ์ (Human relation movement)


  • Abraham Maslow :  มาสโลว์ : ทฤษฏีลำดับขั้นความต้องการ

  • Douglas McGregor : แมคเกรเกอร์ : ทฤษฏี X และทฤษฏี Y

-ทฤษฏี X และทฤษฏี Y
  • เป็นสมมติฐานเกี่ยวกับทัศนะเกี่ยวกับผู้บริหารที่มีต่อคนงาน
  • ทัศนะของผู้บริหารจะส่งผลต่อพฤติกรรมการบริหารงานของเขาด้วย
  •  เขาเห็นว่า องค์การแบบเดิม (รวมศูนย์ สื่อสารบนลงล่าง) ไม่ช่วยให้เกิดผลผลิต แต่สะท้อนธรรมชาติของมนุษย์ เรียกว่าทฤษฏี X
  • ทฤษฏี X มองว่าคนไม่ชอบทำงาน เลี่ยงความรับผิดชอบ
  • ไม่ทะเยอทะยาน ชอบให้สั่งการ ต้องใช้เงินจูงใจ ต้องควบคุมมาก
  •  ทฤษฏี Y มองว่า คนจะให้ความร่วมมือถ้าพอใจในสภาวะการทำงาน
  •  คนขยันไว้ใจได้ ควบคุมตนเองได้ มีความคิดริเริ่มในการทำงาน ถ้าได้รับการจูงใจที่ถูกต้องจากเพื่อนร่วมงาน
  •  คนจะพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

4.หลักพฤติกรรมศาสตร์ (Behavioral science approach)


  • เป็นการนำผลการวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ เพื่อพัฒนาทฤษฏีเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ จากศาสตร์ สาขาต่างๆ เมื่อ
  • นำไปทดสอบแล้วจะเสนอให้นักบริหารนำไปใช้ เช่น ทฤษฏีการตั้งเป้าหมาย ของ Locke


ทัศนะเชิงปริมาณ (Quantitative viewpoint)
  • การบริหารศาสตร์
  •  การบริหารปฏิบัติการ
  •  ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร


1.การบริหารศาสตร์ (Management science)

มุ่งเพิ่มความมีประสิทธิผลในการตัดสินใจจากการใช้ตัวแบบคณิตศาสตร์และวิธีการเชิงสิติ ซึ่งแพร่หลายได้รวดเร็วเนื่องจากความก้าวหน้าทางคอมพิวเตอร์ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างซับซ้อนมากขึ้น



2.การบริหารปฏิบัติการ (Operation management)
  • ยึดหลักการบริหารกระบวนการผลิตและให้บริการ
  •  กำหนดตารางการทำงาน
  • วางแผนการผลิต
  • การออกแบบอาคารสถานที่ การประกันคุณภาพ
  • การใช้เทคนิคเครื่องมือต่างๆ เช่น เทคนิคการทำนายอนาคต
  • การวิเคราะห์รายการ ตัวแบบเครือข่ายการทำงาน การวางแผนและควบคุมโครงการ

 3.ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร (management Information System)

        บริหารศาสตร์ MIS เน้นการนำเอาระบบข้อมูลสารสนเทศโดยอาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ในการบริหาร (Computer based information system : CBISs)



ทัศนะร่วมสมัย (Contemporary viewpoint)
  • ทฤษฏีเชิงระบบ
  • ทฤษฏีการบริหารตามสถานการณ์
  • ทัศนะที่เกิดขึ้นใหม่

 1.ทฤษฏีเชิงระบบ (System theory)

  •      ระบบแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ ระบบเปิดและระบบปิด
 ระบบเปิดและระบบปิดไม่ได้แยกออกจากกัน  มีลักษณะอยู่ 9 ประการ

           - มีปัจจัยป้อนเข้าจากภายนอก
           - มีกระบวนการที่ก่อให้เกิดผลผลิต
            - ปัจจัยป้อนออกเป็นผลผลิตหรือบริการ
            - มีวงจรต่อเนื่อง
            - มีการต่อต้านแนวโน้มสู่ความเสื่อมของระบบ
            - ข้อมูลย้อนกลับเพื่อการปรับตัว
            -มีแนวโน้มสู่ความสมดุล
            - มีแนวโน้มสู่คามซับซ้อน
            - มีหลายเส้นทางเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมาย

รูปแบบการวิเคราะห์ระบบ
  • มุ่งเน้นกระบวนการมากกว่าผลผลิต
  •  ประเมินประสิทธิภาพของระบบงาน
  •  ประเมินเวลา 
  • ประเมินการใช้งบประมาณ
  • ประเมินความถูกต้องของกระบวนการ
  •  ประเมินผลผลิตหรือผลงาน


2.ทฤษฏีการบริหารตามสถานการณ์ (Contingency theory)
  • หลักการบริหารงานที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสถานการณ์หนึ่งๆ เท่านั้น
  •     ในสถานการณ์ที่ต่างไป ผู้บริหารอาจกำหนดหลักการจากการวิเคราะห์ลักษณะเฉพาะของแต่ละสถานการณ์เพื่อกำหนดแนวทางให้เหมาะสมกับโครงสร้าง เป้าหมายและผู้ปฏิบัติงานในองค์การ


3.ทัศนะที่เกิดขึ้นใหม่
  •     ทฤษฏี ทฤษฏีการบริหารแบบญี่ปุ่น โดย William Ouchi
  •    โดยรวมหลักการบริหารแบบอเมริกันรวมกับแบบญี่ปุ่นมีหลักการสำคัญคือ ความมั่นคงในงาน การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ รับผิดชอบปัจเจกบุคคล เลื่อนตำแหน่งช้า ควบคุมไม่เป็นทางการ แต่วัดผลเป็นทางการ สนใจภาพรวมและครอบครัว




ครั้งที่1

บันทึกอนุทิน

วิชา การบริหารสถานศึกษาปฐมวัย( Pre-School Administration )

อาจารย์ผู้สอน  อาจารย์กฤตธ์ตฤณน์ ตุ๊หมาด

วัน/เดือน/ปี : 11 มกราคม 2560

เรียนครั้งที่ 1 เวลาเรียน 12:30 - 15:30

กลุ่ม 102 วันพุธ ห้องเรียน 34-501






     สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แรกของการเรียนการสอน วันนี้อาจารย์แจกCourse -Syllabus และใบบันทึกการเข้าเรียน อาจารย์ก็แนะนำแนวการเรียนการสอน บอกงานทั้งหมดที่ต้องทำในเทอมนี้ ทั้งงานกลุ่มและงานเดี่ยว พร้อมทั้งชี้แจงเกณฑ์การให้คะแนน จากนั้นอาจารย์ก็ให้คำปรึกษาเพื่อนๆที่ยังลงทะเบียนเรียนไม่เสร็จ และท้ายคาบอาจารย์ให้ทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อวัดความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวิชานี้ และสอนให้บรรลุวัตถุประสงค์